Powered By Blogger

เทคโนโลยีสารสนเทศ

เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร?

เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอที (Information Technology : IT)
                      คือการประยุกต์ใช้ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์-
โทรคมนาคมเพื่อนำมาใช้จัดเก็บ ค้นหา จัดส่ง กระจายออก ติดตาม
รวบรวม และจัดการข้อมูลต่างๆ

เทคโนโลยีสารสนเทศ มาจากคำว่า “ เทคโนโลยี” รวมกับคำว่า “สารสนเทศ
                     “เทคโนโลยี”  คือสิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่างๆ ได้แก่ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องจักร วัสดุ รวมถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่นระบบ หรือ กระบวนการต่างๆ  ที่ช่วยให้การดำรงชีวิตของมนุษย์ง่ายและสะดวกมากขึ้น

The key point of information technology is:
         “ It involves the processing of data by computer.”
         “เทคโนโลยีสารสนเทศ จะต้องเกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดการกับข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์

ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

1. ช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

2. ช่วยทำให้วิทยาการต่าง ๆ เจริญก้าวหน้าและทันสมัยอย่างรวดเร็ว

3. การรับรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของโลกเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว

4. ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงคลังข้อมูลและคลังความรู้ขนาดใหญ่  ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์เพื่อการพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิต

5. สนับสนุกการทำงานและกระบวนงานผลิต  เช่น  การใช้คอมพิวเตอร์ในการวางแผน  การออกแบบ  และการควบคุมกระบวนการทำงาน

6. เกิดระบบบริหารจัดการในรูปแบบใหม่  อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรและการผลิต

7. กระจายโอกาสทางด้านการศึกษา  ผู้ที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองสามารถเรียนรู้ผ่านระบบการสอนทางไกลผ่านดาวเทียมได้

8. สามารถเผยแพร่สารสนเทศและภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สังคมโลกได้โดยง่าย  เช่น  การเผยแพร่งานในอินเตอร์เน็ตตำบล  เป็นต้น

9. มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านต่าง ๆ ของผู้คนดังนี้

1.  เทคโนโลยีสารสนเทศ ทำให้สังคมเปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมมาเป็นสังคมสารสนเทศ 

2. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจากระบบแห่งชาติไปเป็นเศรษฐกิจโลก ที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจของโลกผูกพันกับทุกประเทศ ความเชื่อมโยงของเครือข่ายสารสนเทศทำให้เกิดสังคมโลกาภิวัฒน์

3. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้องค์กรมีลักษณะผูกพัน มีการบังคับบัญชาแบบแนวราบมากขึ้น หน่วยธุรกิจมีขนาดเล็กลง และเชื่อมโยงกันกับหน่วยธุรกิจอื่นเป็นเครือข่าย การดำเนินธุรกิจมีการแข่งขันกันในด้านความเร็ว โดยอาศัยการใช้ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวสนับสนุน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว 

4. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีแบบสุนทรียสัมผัส และสามารถตอบสนองตามความต้องการการใช้เทคโนโลยีในรูปแบบใหม่ที่เลือกได้เอง

5. เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดสภาพทางการทำงานแบบทุกสถานที่และทุกเวลา : any where, any time

6. เทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดการวางแผนการดำเนินการระยะยาวขึ้น และทำให้เกิดแนวทางการตัดสินใจ หรือเลือกทางเลือกได้ละเอียดขึ้น 

สรุปคือ
                   เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทที่สำคัญในทุกวงการ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโลกด้านความเป็นอยู่ สังคม เศรษฐกิจ การศึกษา การแพทย์ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การเมือง ตลอดจนการวิจัยและการพัฒนาต่าง ๆ

เทคโนโลยีสารสนเทศประกอบด้วย :

  1. เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ   
         เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้สำนักงาน อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมต่างๆ รวมทั้งซอฟท์แวร์ทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในงานเฉพาะด้าน ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จัดเป็นเครื่องมือทันสมัย และใช้เทคโนโลยีระดับสูง (High Technology)

2. กระบวนการในการนำอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ข้างต้นมาใช้งาน 
เพื่อรวบรวม จัดเก็บ ประมวลผล และแสดงผลลัพธ์เป็นสารสนเทศในรูปแบบต่างๆ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป เช่น การจัดเก็บข้อมูลในลักษณะของฐานข้อมูล เป็นต้น

สรุปคือ
เทคโนโลยีสารสนเทศครอบคลุมทั้งเทคโนโลยีที่เป็นอุปกรณ์ และกระบวนการที่ช่วยทำให้ระบบสารสนเทศมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

เทคโนโลยี และ AI














จะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าAIฉลาดกว่ามนุษย์















แนวโน้มเทคโนโลยีในอนาคต อีก 10 ปีข้างหน้า


 เทคโนโลยี มีผลต่อความเจริญก้าวหน้าของสังคมอย่างมาก เราได้ใช้เทคโนโลยีในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมและอำนวยความสะดวก ตลอดจนเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้น รวมถึงยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
             หากเรามองย้อนกลับไปในภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ หรือภาพยนตร์แอคชั่นในยุคก่อน เราคงได้เห็นนวัตกรรมสุดล้ำสมัยที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น แต่เมื่อเรามองดูในปัจจุบันนี้ สิ่งเหล่านั้นที่เคยเป็นเพียงจินตนาการก็ได้เกิดขึ้นแล้วหลายอย่าง เช่นเดียวกันกับสิ่งที่เราจินตนาการกันในยุคนี้ ที่ไม่มีใครตอบได้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะเกิดอะไรที่ทำให้เราต้องแทบไม่เชื่อสายตาขึ้นอีกบ้าง แต่ถ้าเป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า เราก็สามารถที่จะบอกแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นได้ ธุรกิจร้านอาหาร ร้านค้าปลีก ตลอดจนธุรกิจต่างๆ ควรที่จะทำความเข้าใจกับแนวโน้มของเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้น เพราะมีความเกี่ยวข้องอย่างมากต่อแนวทางการวางแผนและพัฒนาธุรกิจ ซึ่งแนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้าและบทบาทของเทคโนโลยีนั้นๆ


1. Internet of Things หรือ IoT

             Internet of Things หรือ IoT เป็นเครือข่ายที่จะเชื่อมต่ออุปกรณ์เครื่องใช้และยานพาหนะให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้อย่างครบวงจรมากขึ้น ซึ่งในตลาดอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ต้องการความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีมีการแข่งขันกันสูงมากในตลาดของ IoT


2. การชาร์จแบบไร้สายที่ไร้ขีดจำกัด
            ในปัจจุบันนี้เรามีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย (Wireless Charging) กันอยู่แล้ว ซึ่งอาจยังมีข้อจำกัด และไม่สะดวกสบายในบางอย่าง แต่ในอนาคต เราจะได้เห็นการชาร์จแบบไร้สายที่ไร้ขีดจำกัด อย่างการชาร์จไร้สายแบบ Over the air ที่สามารถชาร์จแบบไร้สายได้อย่างแท้จริง การชาร์จไร้สายแบบ Over the air คือ การส่งพลังงานเพื่อชาร์จผ่านทางอากาศ


3. การทำงานอัตโนมัติและบทบาทมนุษย์ที่น้อยลง

             อนาคตอันใกล้นี้ เราจะได้เห็นการทำงานอัตโนมัติ (Automation) ที่สามารถดำเนินการต่างๆ ได้โดยไม่พึ่งพามนุษย์เพิ่มมากขึ้น เราจะได้เห็นกระบวนการทำงานที่เบ็ดเสร็จผ่านทางระบบอัตโนมัติไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ เครื่องจักร หรือระบบต่างๆ มากขึ้น รวมถึงบทบาทของมนุษย์ก็จะน้อยลง


4. ยุคของ AI

         AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ คือสิ่งที่เรารู้จักกันมา  ในอนาคตข้างหน้านี้ เราจะได้เห็นการดำเนินการด้วย AI ที่ครอบคลุมด้านต่างๆ มากขึ้น จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นในตลาดที่มีการแข่งขันอยู่ในขณะนี้ AI จะสามารถสนทนาและทำการคัดเลือกต่างๆ ได้อีกด้วย



5. Smart home

        เมื่อเทคโนโลยีได้นำพานวัตกรรมใหม่ๆ ให้สามารถใช้งานเชื่อมต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ Smart home คงไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไป มีบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ให้ความสนใจกับ Smart home เป็นจำนวนมาก การผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้อัจฉริยะภายในบ้านจะได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น ลำโพงอัจฉริยะสั่งงานด้วยเสียงได้ หุ่นยนต์ที่รับคำสั่งเสียงและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ภายในบ้านได้อย่างชาญฉลาด เป็นต้น


6. AR และ VR จะมีบทบาทมากขึ้น

         Virtual reality หรือ VR คือการจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง โดยตัดขาดจากสภาพแวดล้อมปัจจุบัน สู่การรับรู้จากการมองเห็น เสียง สัมผัส แม้กระทั้งกลิ่นของภาพที่จำลองขึ้นมา

         ส่วน Augmented reality หรือ AR คือ การรวมสภาพแวดล้อมจริงกับวัตถุเสมือน เข้าด้วยกันในเวลาเดียวกัน และทำให้เราสามารถตอบสนองกับสิ่งที่จำลองนั้นได้

          เราสามารถใช้งานเทคโนโลยี AR และ VR ในรูปแบบ 360° ได้ง่ายๆ ผ่านทางสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ต่างๆ  และสิ่งนี้ กำลังจะถูกใช้งานแพร่หลายมากขึ้น




7. การพิมพ์แบบสามมิติ (3D Printing)

         การพิมพ์ในโลกอนาคตอันใกล้นี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะเราจะได้เห็นการพิมพ์สุดล้ำแบบสามมิติ หรือ 3D ถูกใช้กันอย่างมากมายในอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่เพียงแต่พิมพ์เป็นสามมิติเท่านั้น เพราะเรายังสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการด้วย และในด้านการพิมพ์สามมิตินี้ก็จะมีการพัฒนาเพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับแต่งการพิมพ์แบบ 3D มากขึ้น


8. รถยนต์ระบบขับเคลื่อนตนเอง

       ในอดีตเราได้เห็นรถยนต์สุดล้ำในภาพยนตร์มากมาย เป็นรถที่สามารถเหาะได้ ขับเคลื่อนตัวเองได้ ซึ่งในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้านี้ เราจะได้เห็นโมเดลรถยนต์ที่มีความอัจฉริยะมากยิ่งขึ้น มีระบบนำทางที่สามารถสร้างความปลอดภัยในการขับขี่ได้มากขึ้น ที่สำคัญ สามารถขับเคลื่อนตนเองได้ รวมไปถึงการพัฒนารถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าไนโตรเจน หรือพลังงานอื่นๆ ทดแทนการใช้น้ำมัน แม้ว่าจะยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงมีการคิดค้นพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง


9. ไบโอเมทริกซ์กับความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นและสะดวกขึ้น

        ในปัจจุบันนี้ เราสามารถปลดล็อกสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วผ่านการสแกนลายนิ้วมือ หรือสแกนใบหน้า (Face ID) ซึ่งระบบนี้เอง เราเรียกว่า ไบโอเมทริกซ์

        ไบโอเมทริกซ์ (Biometrics) เป็นระบบทางกายภาพที่นำมาใช้ในวิทยาการคอมพิวเตอร์ เพื่อการระบุตัวตน การบ่งชี้ และควบคุมการเข้าถึงต่างๆ โดยระบบนี้จะถูกนำมาใช้ในการเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัยแทนที่การใช้ Password ซึ่งจะทำให้เกิดความรวดเร็ว สะดวกสบายมากขึ้น ที่สำคัญ มีความปลอดภัยมากขึ้นด้วยสำหรับผู้บริโภค หน่วยงาน องค์กร โรงพยาบาล ธุรกิจ และกับทุกภาคส่วน

         ในอีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีผู้ใช้ระบบชำระเงินแบบไบโอเมทริกซ์ถึง 2.6 พันล้านคน เพื่อการจับจ่ายใช้สอยในร้านค้าปลีก ในเว็บไซต์ออนไลน์ รวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องต่างๆ เราจะหมดปัญหากุญแจหาย ลืมกุญแจ ไม่มีมือว่าง กังวลเรื่องความปลอดภัย


10. โดรนที่ทรงประสิทธิภาพ

         โดรน (Drones) หรือเครื่องบินไร้คนขับ (Unmanned Aerial System Traffic Management – UTM) เป็นหุ่นยนต์บินได้ที่สามารถควบคุมได้จากระยะไกล เรามีการใช้โดรนทั้งในการศึกษาธรณีวิทยา ทางทหาร การจัดการการขนส่งและโลจิสติกส์ ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงผู้บริโภคก็สามารถใช้งานได้ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล  

           แนวโน้มของการใช้งานโดรนพบว่าจะมีการใช้งานเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า เนื่องจากมีราคาที่ถูกลง เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และจะมีการนำมาใช้ในภาครัฐ ภาคเอกชน และธุรกิจต่างๆ ในอุตสาหกรรมชั้นนำเป็นจำนวนมาก  นอกจากนี้แล้ว ก็ยังจะมีการพัฒนาโดรนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถใช้งานได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และเกิดประสิทธิภาพที่สุด


11. สำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ (E-Office)

         สำนักงานอิเล็กทรอนิกส์ ก็คือการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการสื่อสาร เพื่อปฎิบัติงานประจำวันทั่วไป และอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสาร ซึ่งสามารถทำให้ เราทำงานได้ในทุกแห่ง ปราศจากข้อจำกัดด้านพื้นที่ และการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์


12. ห้องสมุดเสมือนจริง (Virtual Library)

         ในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจสามารถค้นหาความรู้ได้จากทั่วโลกอย่างง่ายดาย ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นห้องสมุดที่รวบรวม และจัดเก็บข้อมูลมากมายเพื่อการค้นคว้าวิจัยสำหรับอาจารย์ นักศึกษา นักวิจัย และบุคลากรของสถาบัน เรียกว่าห้องสมุดเสมือนจริง (Virtual Library) เพียงนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับแหล่งสารสนเทศต่างๆ ก็สามารถเข้าถึงหนังสือเสมือนที่อยู่ในห้องสมุดได้ในแบบของรูปภาพ ให้ผู้ใช้สามารถใช้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล